Skip to main content

แดน บัสซีเรส - การผลิตสุกรชะลอตัว: เผชิญกับความท้าทายในการผลิตสุกร

การปิดโรงงานและการขาดแคลนแรงงานทำให้จำนวนสุกรที่ออกสู่ตลาดในควิเบกชะลอตัวลง

ในขณะที่โรงงานแปรรูปเนื้อหมูบางแห่งปิดดำเนินการชั่วคราว เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรกำลังถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก แดน บัสซีเรส (Dan Bussieres) นักโภชนาการสุกรในควิเบก อธิบายถึงความท้าทายที่เกิดขึ้นจากการที่เกษตรกรที่ไม่สามารถขนย้ายหมูไปยังโรงงานแปรรูปและแสดงความคิดเห็นถึงแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมนี้

นี่เป็นตอนหนึ่งจากซีรี่ส์พิเศษ AgFuture ในหัวข้อผลกระทบของ COVID -19 สำหรับห่วงโซ่ของการผลิตอาหาร ขอเชิญท่านร่วมรับฟังว่า ผู้ที่เป็นกำลังแนวหน้ากำลังทำงานเพื่อเอาชนะความทุกข์ยากและป้อนอาหารให้แก่โลกอย่างไรในช่วงการระบาดใหญ่ทั่วโลกครั้งนี้

ต่อไปนี้เป็นบันทึกบทสัมภาษณ์ของมิเชล ไมเคิลกับ แดน บัสซีเรส คลิกเพื่อฟังเสียงเต็ม

มิเชล: สวัสดีค่ะ! ดิฉัน มิเชล ไมเคิล ใน AgFuture ซีรีย์พิเศษนี้เรากำลังพูดคุยกับผู้ที่ทำงานในห่วงโซ่การผลิตอาหารเกี่ยวกับผลกระทบของ COVID-19 แขกของดิฉันวันนี้คือ แดน บัสซีเรส จากควิเบก แดนเป็นนักโภชนาการสุกรที่ทำงานร่วมกับผู้ผลิตทั่วประเทศแคนาดา แดนขอบคุณมากที่ให้เกียรติในวันนี้ค่ะ

 แดน: ยินดีครับ

 

มิเชล: ช่วยเล่าให้เราฟังถึงบทบาทของคุณในอุตสาหกรรมนี้หน่อยได้ไหมคะ? การทำงานในแต่ละวันของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?

แดน: ผมอยู่ในอุตสาหกรรมการผลิตสุกรมา 25 ปีแล้ว ผมมีธุรกิจของตัวเองที่ร่วมทำกับหุ้นส่วน มาตั้งแต่ปี 2548 บทบาทของผมส่วนใหญ่คือการทำงานด้านโภชนาการกับผู้ผลิตสุกรในแคนาดา ผมก็ได้ร่วมทำวิจัยมากมายกับลูกค้าของเรา รวมถึงฟาร์มเพื่อการวิจัยบางแห่งที่เราดูแลอยุ่ในแคนาดา ผมยังมีงานให้คำปรึกษากับกลุ่มผู้ผลิตในประเทศจีนเป็นเวลาประมาณสามปีแล้วและก็ทำงานกับกลุ่มผลิตในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้วด้วย

 

          กิจวัตรประจำวันของผมคือการปรับสร้างสูตรอาหารสัตว์ให้ลูกค้า ประเมินโปรแกรมอาหารสัตว์ใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าเรามีโปรแกรมโภชนาการที่ดีที่สุด จากการวิจัยใหม่ที่เรากำลังทำอยู่และเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม เรายังเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำโครงการวิจัยกับผู้ผลิตวัตถุดิบและส่วนผสมในอาหารสัตว์ และคอยอัพเดทข้อมูลต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นในตลาดอยู่ตลอด

 

เราให้เความสำคัญกับค่าใช้จ่ายอยู่เสมอเช่นกัน ดังนั้นเราจึงได้ทำการวิจัยมากมาย ซึ่งท้ายที่สุดนั้นเรามุ่งเน้นที่จะเสนอราคาที่คุ้มค่าที่สุดในการผลิตให้แก่ลูกค้าของเรา เรามีบริษัทผลิตหมูในควิเบก เราผลิตหมูได้ประมาณ 250,000 หรือ 200,000 ตัวต่อปีในควิเบก นี่อาจไม่ใช่จำนวนที่เยอะมากหากเปรียบกับมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา แต่สำหรับการผลิตในควิเบกมันเป็นจำนวนที่ดีเลยทีเดียว ผมไม่เพียงแต่ให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า แต่ยังมีธุรกิจเลี้ยงสุกรด้วยตัวเอง ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

 

มิเชล: เมื่อพูดถึงการให้คำปรึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านโภชนาการ บทบาทของคุณมีความสำคัญเพียงใดโดยเฉพาะท่ามกลางการแพร่ระบาดครั้งนี้?

 แดน: ผมคิดว่าสิ่งต่าง ๆ ในช่วงเดือนครึ่งที่ผ่านมามีความเปลี่ยนแปลงไป การเดินทางน้อยลงและมีการประชุมทางเว็บมากขึ้น บทบาทของเราคือการทำให้แน่ใจว่าลูกค้าของเราจะได้รับการบริการเหมือนที่เคยเป็นมาก่อนการระบาด ผมคิดว่าเทคโนโลยีช่วยเราได้มากในด้านนั้น ในด้านโภชนาการผมไม่คิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย - แม้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้เรามีปัญหาในการจัดหาวัตถุดิบบางอย่างเช่น DDGs ข้าวสาลี เนื่องจากการผลิตที่ลดลง เราจึงต้องปรับสูตรอาหารสัตว์อย่างมากเมื่อไม่นานมานี้ และเราคงจะได้พูดถึงเรื่องนี้ในภายหลังเกี่ยวกลยุทธ์ในภาวะการชะลอตัวของการผลิตสุกร ปัญหาเรื่องโรงเชือดในควิเบกและบางส่วนทางเหนือของแคนาดา ผมคิดว่าการตอบคำถามลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและการทำงานที่มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องสำคัญและเป็นเป้าหมายของเรา

 

ในแง่ของการวิจัยมีความท้าทายเล็กน้อยในตอนนี้ เนื่องด้วยปัญจัยบางอย่างเช่น การขาดแคลนแรงงานในบางรูปแบบ และการเข้าถึงอาหารสัตว์สำหรับโรงงานผลิตอาหาร นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดการอาหารเพื่อการวิจัยในขณะนี้ ถึงแม้ว่าจะต้องจัดการปรับเปลี่ยนโครงการวิจัยบางอย่างบ้าง แต่จนถึงตอนนี้มันก็ไม่เลวร้ายนัก

 

มิเชล: ขอกลับไปตรงที่คุณเพิ่งพูดถึงสักนิดนึงนะคะ เราได้ยินมาว่าโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์บางแห่งในแคนาดา – โดยเฉพาะโรงงานแปรรูปเนื้อหมู ต้องปิดตัวลงเป็นระยะเวลาหนึ่งเนื่องจากมีคนงานที่ติดเชื้อ coronavirus ซึ่งในสหรัฐอเมริกาตอนนี้ก็มีเรื่องราวคล้ายกัน นั่นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในแคนาดาอย่างไร

แดน: ในควิเบกนั่นอาจเป็นสิ่งที่เรากังวลมากที่สุดในตอนนี้ เรากำลังมีปัญหาเรื่องกำลังการฆ่าที่ลดลง โรงงานที่ปิดตัวลงเมื่อสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งเปิดใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่กำลังการทำงานที่ช้าลงมาก พวกเขาเชือดหมูเพียง 4,000 ตัวที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ โดยปกติเขาจะเชือดหมูประมาณ 28,000 ตัว สองสัปดาห์ก่อนหน้านั้นพวกเขาไม่ได้ฆ่าหมูเลยแม้แต่ตัวเดียว ในควิเบกเมื่อสิ้นสัปดาห์ที่แล้วเรามีหมูประมาณ 90,000 ถึง 100,000 ตัวที่ไม่ได้ถูกเชือดในช่วงสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นประมาณ 20% ถึง 25% ของจำนวนตามปกติที่ถูกเชือด นั่นเป็นความกังวลเล็กน้อยในตอนนี้

 

ในอีกสองถึงสามสัปดาห์ข้างหน้า เราน่าจะยังคงสามารถเก็บหมูไว้ได้หากใช้กลยุทธ์ที่แตกต่าง แต่เรามีความกังวลอย่างมากว่าถ้าเราไม่สามารถเพิ่มปริมาณการฆ่า มันจะกลายเป็นปัญหา มีการพูดคุยเกี่ยวกับการุณยฆาตหมู ไม่มีใครอยากทำอย่างนั้น แต่ผมรู้ว่ามีบางรัฐบาลที่กำลังพิจารณาเรื่องนี้หากมีความจำเป็น

 

ที่ออนแทรีโอในตอนเหนือของแคนาดานั้นไม่น่าเป็นห่วง โรงงานสองแห่งในออนทาริโอนั้นสามารถทำงานได้ค่อนข้างเต็มกำลัง พวกเขาเพิ่มการเชือดในวันเสาร์เพื่อให้เพียงพอต่อการผลิต ที่มานิโตบา, อัลเบอร์ตาที่ซึ่งมีโรงงานใหญ่ไกลออกไปทางตะวันตกมันก็ดี สถานการณ์ COVID-19 ไม่ค่อยรุนแรงเมื่อเทียบกับควิเบก ควิเบกได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจาก COVID-19 ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่ากังวล

 

โรงงานอื่น ๆ ก็การชะลอตัวลงเล็กน้อย มีโรงงาน  2 โรงที่คนงานมาจากพื้นที่มอนทรีออล ซึ่งในมอนทรีออลสถานการณ์ COVID ค่อนข้างแย่ ดังนั้นคนงานเหล่านั้นจึงไม่สามารถมาทำงานที่โรงงานได้ เป็นเหตุให้มีการขาดแคลนแรงงาน และนั่นหมายความว่าพวกเขาไม่สามารถฆ่าหมูได้มากเท่าที่เคยเป็นมา แต่โดยภาพรวมสถานการณ์ยังอยู่ภายใต้การควบคุมแม้ว่าจะมีหมูสำรองจำนวนหนึ่ง แต่เราต้องหาทางแก้ไขภายในสองถึงสามสัปดาห์ข้างหน้า ไม่เช่นนั้นเราต้องมีปัญหาแน่นอน

 

มิเชล: แดนฉันขอลงลึกตรงนี้สักหน่อยค่ะ เมื่อคุณกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ คุณต้องทำอย่างไร โดยปกติผู้ผลิตจะให้อาหารกับหมูอย่างคุ้มค่าที่สุด คุณจัดการอย่างไรเมื่อหมูมีขนาดที่เหมาะสมเพื่อส่งไปยังโรงงานแปรรูปแล้ว แต่ COVID ทำให้คุณไม่สามารถส่งหมูไปได้? คุณต้องชะลอการเติบโตของหมูหรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณทำอย่างไรและมันปลอดภัยหรือไม่?

 แดน: อย่างแรกเลยเมื่อเราได้ยินเรื่องการปิดโรงงานครั้งแรกเมื่อสามสัปดาห์ก่อน สิ่งที่เราทำทันทีคือออกแบบสูตรอาหารที่เราเรียกว่า "Low energy maintenance" ซึ่งเป็นอาหารสำหรับหมูของที่พร้อมจะออกสู่ตลาด มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการชะลอการเติบโตของหมูที่พร้อมจะออกสู่ตลาดหรือคุณต้องการชะลอหมูทั้งหมดในระบบของคุณเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีหมูที่พร้อมจะออกสู่ตลาดภายในสองถึงสามสัปดาห์ข้างหน้า

 

กลยุทธ์แรกสำหรับเราคือการชะลการเติบโตของหมูและทำให้หมูเข้าสู่น้ำหนักที่พร้อมขายช้าลง ดังนั้นหมูของเราก็จะไม่ตัวใหญ่เกินไป แม้ว่าโรงเชือดจะมีกรงขนส่งสำหรับหมูที่น้ำหนักมากขึ้นก็ตาม การปรับสูตรอาหารนั้นเป็นสิ่งแรกที่เราพยายามทำเพื่อจำกัดการเติบโตของหมูโดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและสวัสดิภาพของพวกมัน หากคุณจำกัดการเติบโตโดย จำกัดปริมาณอาหารหรือวิธีการอื่น มันจะส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพของหมูและก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา ดังนั้นเป้าหมายของเราคือให้อาหารประเภทเส้นใยจำนวนมาก, มี NDF และเส้นใยที่ละลายน้ำได้สูง เพื่อพยายามรักษาสุขภาพที่ดีของหมู ในขณะที่หมูจะไม่เติบโตเร็วเกินไป

 

มีกลยุทธ์มากมายที่สามารถใช้ในการชะลอการเติบโตของหมู ซึ่งวิธีนี้อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุด  แม้ว่าในช่วงสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ผมได้พูดไปว่าเราหาวัตถุดิบที่มีเส้นใยสูงได้ยากขึ้น ทั้งจากมุมมองด้านต้นทุนหรือมุมมองด้านอุปทาน สูตรอาหารที่คุณเขียนบนกระดาษจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย หากคุณไม่สามารถหาวัตถุดิบที่คุณต้องการใช้ในการผลิตอาหารสัตว์เหล่านั้นได้ และต้องจัดหาได้ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล อย่างที่ผมได้กล่าวไปว่าขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เลวร้าย แต่ก็ยังมีความกังวลใจอยู่เรื่องหนึ่งคือ การการชะลอการเติบโตของหมูนั้นก็มีขีดจำกัด นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดในการเพิ่มจำนวนหมูในโรงเลี้ยง คุณต้องเคลียร์โรงเลี้ยงให้ไม่มีหมูอยู่เลย ณ บางเวลา เนื่องจากการรวมสัตว์ให้อยู่ในที่เดียวกันจำนวนมากอาจก่อปัญหาได้

 

มิเชล: แดน เมื่อคุณพูดถึงการชะลอการเติบโตของหมู มีอะไรที่เราไม่ควรทำบ้างไหมคะ?

แดน: มีครับ อย่างที่ผมพูดไป เราต้องจำให้ความสำคัญกับการเป็นอยู่ที่ดีของหมูเสมอ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราทำสิ่งที่ถูกต้องกับหมูแม้ว่าเราจะต้องการชะลอการเติบโตของหมูก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เราไม่ต้องการทำคือ จำกัดปริมาณน้ำดื่ม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหมูมีน้ำดื่มที่เพียงพอ แม้ว่าเราจะรู้ว่าการลดการดื่มน้ำจะทำให้หมูเจริญเติบโตช้าลง เราก็ไม่ต้องการทำเช่นนั้น เราไม่ต้องการทำอะไรก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพของหมู ดังนั้นจึงต้องไม่มีการจำกัดน้ำดื่มของหมู การลดน้ำดื่มอาจทำให้หมูเกิดภาวะเป็นพิษจากเกลือได้ นั่นคือสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

 

ปริมาณหมุที่อยู่กันแออัดจนถึงขีดสุด - คุณต้องตระหนักว่าการที่หมูอยู่กันอย่างเบียดเสียดไม่ใช่สิ่งที่ดีและมันจะส่งผลต่อทั้งการเติบโตและสวัสดิภาพของหมูด้วย เราไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น เราต้องการแสดงให้คนทั่วไปเห็นว่าอุตสาหกรรมของเราปฏิบัติต่อหมูอย่างดี ดังนั้นเราจึงไม่แนะนำให้เลี้ยงหมูแบบเบียดเสียดจนถึงขีดสุด บางคนพูดว่า“ ลดปริมาณเกลือในน้ำลง เพื่อลดการดื่มน้ำและมันจะลดการเติบโตของหมู”  แต่ถ้าคุณลดระดับคลอรีนแลเกลือลงในอาหาร คุณสามารถลดปริมาณอาหารที่กินลงได้ แต่นั่นหมายถึงสวัสดิภาพของหมูที่ลดลงด้วย

 

การเพิ่มอุณหภูมิและลดการระบายอากาศ - ในควิเบกตอนนี้ก็ยังคงเป็นฤดูหนาว มันยังเย็นอยู่ดังนั้นการทำสิ่งเหล่านั้นจึงไม่ส่งผลอะไรเท่าไหร่ แต่เมื่อถึงฤดูร้อนคุณก็ไม่ควรทำให้การระบายอากาศและคุณภาพอากาศมีปัญหา ซึ่งนั่นจะส่งผลต่อสวัสดิภาพของหมู

 

และนั่นเป็นสองสามประเด็นที่คุณไม่ควรทำ สิ่งที่ควรปรับก่อนคือเรื่องของอาหาร ปรึกษานักโภชนาการ และพนักงานฝ่ายผลิตของคุณแล้วพยายามหาวิธีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยไม่กระทบต่อสวัสดิภาพของหมู

 

มิเชล: ดูเหมือนว่าผู้ผลิตกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมากในเวลานี้ ผู้ผลิตสามารถดำเนินงานแบบนี้ได้นานแค่ไหน จะมีวันที่พวกเขาจะไม่สามารถชะลอการเติบโตได้ต่อไปอีกหรือเปล่าคะ?

 

แดน: อย่างที่ผมได้พูดไป เราสามารถอยู่กับสถานการณ์นี้ได้ประมาณสองถึงสามสัปดาห์ แต่เราใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดของช่วงเวลานั้นแล้ว ผมกำลังพูดว่าหากในอีกสองถึงสามสัปดาห์ข้างหน้าเราไม่สามารถกลับไปสู่กำลังการฆ่าสุกรในควิเบกที่สูงขึ้นได้ เราจะพบปัญหา นั่นเป็นสาเหตุที่มีการพูดถึงการการุณยฆาตหมู ไม่มีใครอยากทำ แต่เราอาจจะถึงจุดที่เราจะต้องทำแบบนั้น ปัญหาของอุตสาหกรรมสุกรคือเมื่อคุณตัดสินใจฆ่าแม่พันธุ์, ลดการผสมพันธุ์ หรือลดอัตราการผลิตลูกหมู กว่าที่เราจะเห็นผล ต้องใช้เวลาสี่ถึงหกเดือน เราไม่อยากตัดสินใจกระทำการใดๆที่เห็นผลกระทบในอีกสี่ถึงหกเดือนในตอนนี้ เพราะเราคิดว่าทุกสิ่งน่าจะกลับมาเป็นปกติได้ในไม่ช้า

 

อุตสาหกรรมไก่ในประเทศแคนาดาลดลง 15% แต่การรอบผลิตของไก่นั้นค่อนข้างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 30 ถึง 35 วันในการผลิตไก่ ดังนั้นโดยการลดการฟักไข่ลง 15% คุณก็จะเห็นผลบางอย่างได้ภายในสี่หรือห้าสัปดาห์ แต่สำหรับหมูนั้นต่างกัน ดังนั้นจึงยากที่จะตัดสินใจทำอะไรที่จะแสดงผลในเวลาสี่ถึงหกเดือน โดยคิดว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ  ผู้คนกำลังหวังว่าจะต้องใช้ชีวิตกับสถานการณ์นี้เป็นเวลาสามถึงสี่สัปดาห์โดยที่ไม่ต้องฆ่าหมูในฟาร์มหรือการุณยฆาตหมูที่โรงเชือด

 

มิเชล: แน่นอนว่าเราทุกคนหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น คุณพูดว่าอาจมีปัญหาเกิดขึ้นได้ในอนาคตข้างหน้านี้ คุณคิดว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่จะเป็นไปได้ในรอบสี่ถึงหกเดือนนี้คืออะไรคะ

แดน: ถ้ามีปัญหาใดๆเกิดขึ้น นั่นจะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับพวกเรา น่าจะดีหากเรามีลูกแก้ววิเศษเพื่อที่จะได้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในสี่ถึงหกเดือนข้างหน้า เราจะได้ตัดสินใจทำบางอย่างตอนนี้เพื่อให้เกิดผลในเวลานั้น และทำให้เราสามารถผ่านสถานการณ์นั้นไปได้ แต่เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในสี่ถึงหกเดือน นั่นคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา มันแตกต่างจากตอนที่มีการระบาดของ ASF เรามีโรงงานในแคนาดาที่จะต่อต้านมันได้ เรารู้ว่าถ้า ASF มาถึงแคนาดาอาจจะกินเวลาสี่ถึงหกเดือนหรือหนึ่งปีที่เราไม่สามารถส่งออกสุกรได้ เราจึงสามารถตัดสินใจได้ตามเงื่อนไขเหล่านั้น

แต่การตัดสินใจในภาวะ COVID นั้นยากกว่า เพราะผมหวังและเราทุกคนคาดหวังว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติภายในสองสามเดือนนับจากนี้ หากไม่เป็นไปตามที่เราหวังและเราไม่ได้ตัดสินใจทำอะไรในตอนนี้ เราอาจจะต้องเจอกับปัญหาบางอย่างในอนาคตแน่นอน เราได้มีการพูดคุยกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกับผู้ผลิตบางรายในแคนาดาและในสหรัฐอเมริกาและผมคิดว่าทุกคนคิดเหมือนกันว่าควรรอดูสถานการณ์ก่อน ผมรู้ว่าในสหรัฐอเมริกามีการเซ้งกิจการเกิดขึ้น และผมไม่คิดว่ามันเกิดจากสถานการณ์ COVID เท่านั้น มันเป็นเรื่องของราคาซึ่งเกี่ยวข้องกับ COVID แต่ราคานั้นแย่มาก นั่นทำให้บางคนกำลังตัดสินใจที่จะลดจำนวนแม่พันธุ์ลง

 

ในแคนาดาเรายังไม่เห็นว่ามีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าผู้ผลิตรายย่อยบางรายอาจใช้โอกาสนี้เพื่อยุติกิจการ เรามีฟาร์มขนาดเล็กจำนวนมากที่เลี้ยงตั้งแต่ลูกหมูจนถึงหมูขุนในควิเบก ที่ไม่มีผู้คนเข้าเข้ามาซื้อกิจการ เมื่อราคาในตลาดดีพวกเขาก็ยังคงดำเนินกิจการได้ เพราะพวกเขาสามารถทำเงินได้แน่นอน แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่มีปัญหาเรื่องราคาและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ COVID และสถานการณ์ในอนาคต เราอาจจะเห็นการเซ้งกิจการฟาร์มขนาดเล็กในควิเบก

 

มิเชล: แดนดิฉันขอย้อนกลับไปถึงสิ่งที่คุณพูด ซึ่งผู้ฟังของเราบางคนอาจไม่เข้าใจ คุณพูดว่า ASF นั่นคือโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรใช่ไหมคะ

 แดน: ใช่ครับ

 

มิเชล: ก่อนที่จะมีการระบาดของ COVID-19 มีไวรัสอื่น เช่นไข้อหิวาต์แอฟริกาและเชื้ออื่นๆ ผู้ผลิตยังคงจัดการกับปัญหาเหล่านั้นอยู่หรือไม่ และในตอนนี้ก็มี COVID-19 เข้ามาเพิ่มปัญหาอีกใช่ไหมคะ?

แดน: ในอเมริกาเหนือเราไม่มีปัญหาเรื่องโรคไข้อหิวาต์แอฟริกาในหมู ข้อดีหนึ่งที่เกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้ก็คือ ความเสี่ยงหนึ่งที่จะมี ASF ในอเมริกาเหนืออาจมาจากการที่ผู้คนที่เดินทางมาจากเอเชียนำผลิตภัณฑ์อาหารมาสู่ห่วงโซ่การผลิตอาหาร แต่จากการปิดพรมแดนและการเดินทางของผู้คนที่น้อยลงมาก ผมคิดว่าเราค่อนข้างปลอดภัยจาก ASF

 

ความเสี่ยงย่อมมีอยู่เสมอ แต่ก็มีความแตกต่างกัน ASF เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดเพราะเราต้องหยุดการส่งออก ซึ่งคิดเป็น 70% ของการผลิตหลักในแคนาดา แต่เราคิดว่า COVID เป็นสถานการณ์ชั่วคราวที่จะคลี่คลายได้ สิ่งเดียวที่เราไม่รู้คือมันจะใช้เวลานานแค่ไหนในการกลับสู่ภาวะปกติ

 

มิเชล: เมื่อพูดถึงความปลอดภัยทางชีวภาพ นั่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการผลิตสุกร แต่คุณสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงหรือมาตรการเฝ้าระวังเพิ่มเติม ที่คุณและลูกค้าของคุณกำลังทำอยู่ในช่วงการระบาดครั้งนี้หรือไม่?

 

แดน: มีสองสิ่งที่เราทำ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองคนที่เราทำงานด้วยในธุรกิจของเรา ในฐานะที่เราเป็นธุรกิจที่สำคัญเรายังคงดำเนินการทุกวัน ในแง่ของพนักงานในสำนักงาน เราพยายามลดปริมาณการเดินทางมาที่สำนักงาน แต่ที่โรงงานผลิตที่เราผลิตไมโครพรีมิกซ์สำหรับอาหารสัตว์ เราจะคงดำเนินงานอย่างเต็มกำลัง แต่เราก็พยายามลดการติดต่อกันระหว่างบุคคลให้น้อยที่สุด

 

มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องงานเอกสารเช่นกัน เราจัดให้มีการส่งของในฟาร์มเพื่อลดการติดต่อและการแลกเปลี่ยนกระดาษกัน เราจัดให้มีขั้นตอนความปลอดภัยเพิ่มเติมเหล่านั้น เพื่อปกป้องคนของเรา

 

จนถึงตอนนี้เรายังไม่มีข้อพิสูจน์ว่า COVID สามารถส่งผ่านไปยังปศุสัตว์ได้ ดังนั้นสิ่งต่าง ๆ ในฟาร์มจึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักในการป้องกันสุกรจากการติดเชื้อไวรัสนี้ เรากลัวการติดเชื้อโรค PRRS และโรคอื่นๆ ในฟาร์มมากกว่า COVID ไม่ส่งผลกระทบต่อหมู ในขณะเดียวกันเราคิดว่าคนงานในฟาร์มมีขั้นตอนพิเศษในการปกป้องตัวเองจากการติดเชื้อระหว่างคนงานด้วยกัน เช่นการล้างมือและการสวมหน้ากากอนามัย อย่างไรก็ตามหากมีผู้ที่แสดงอาการ COVID หรือป่วย พวกเขาจะไม่ไปทำงาน

 

ปัญหาในฟาร์มเล็ก ๆ คือ เมื่อมีเพียงคุณและภรรยา และไม่มีคนงานในฟาร์ม ความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโรคไปสู่คนอื่นก็น้อยลง แต่ในขณะเดียวกันถ้าคุณป่วยคุณยังต้องไปที่ฟาร์มเพื่อดูแลหมูของคุณ สำหรับฟาร์มขนาดใหญ่ขึ้นมา จะไม่มีปัญหานั้นเพราะมีคนทำงานมากกว่า แต่หากคุณสูญเสียพนักงานที่ทำงานในฟาร์มไปครึ่งหนึ่ง มันก็ยากที่จะหาคนมาทดแทน

แต่จนถึงขณะนี้ ยังคงไม่น่ากังวล แม้ว่าควิเบกและมอนทรีออลเป็นสถานที่ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID แต่ในชนบทเหตุการณ์ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก ผมยังไม่เคยได้ยินข่าวว่ามีคนในฟาร์มติดเชื้อโควิดจนถึงขณะนี้

 

มิเชล: นั่นเป็นข่าวดี เมื่อคุณพูดถึงการเปลี่ยนวิธีการให้อาหารหมูเพราะคุณไม่สามารถขนส่งหมูได้ ซึ่งคุณได้ปรับเปลี่ยนด้านโภชนาการเพื่อชะลอการเจริญเติบโตของพวกมัน มีปัญหาด้านพฤติกรรมหรือปัญหาอื่น ๆ ที่คุณต้องจัดการอีกหรือไม่?

แดน: จนถึงตอนนี้ยังไม่มีประเด็นอื่นที่น่าเป็นห่วง การให้อาหารชิ้นใหญที่มีไฟเบอร์สูงจะทำให้หมูพึงพอใจและยังไม่มีปัญหาการกัดหางหรือปัญหาด้านพฤติกรรมอื่น ซึ่งเป็นปัญหาที่เราอาจเจอได้เมื่อเราให้หมูอยู่รวมกันเยอะๆ ถ้าเราเพิ่มจำนวนหมูในโรงเลี้ยงเป็นสองเท่าและไม่สามารถลดการเบียดเสียดหลังจากระยะเวลาหนึ่ง การเบียดเสียดนั้นอาจกลายเป็นปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเข้าถึงอาหารและน้ำของหมู สำหรับด้านโภชนาการ ผมไม่กังวลกับสิ่งที่เราทำมาหรือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่

 

บางคนอาจพิจาณณาทางอื่นเพื่อลดการเจริญเติบโตของหมูเช่นเพิ่มอุณหภูมิในโรงเลี้ยง หากคุณเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้น ปริมาณการกินอาหารของหมูจะลดลงและคุณอาจชะลอการเจริญเติบโตของหมูได้ แต่กลยุทธ์ประเภทนั้นต้องมีการจัดการที่ดีมาก เพราะคุณอาจสร้างปัญหาเรื่องสวัสดิภาพของหมู วิธีอื่นที่สามารถทำได้เพื่อลดการกินอาหารสัตว์คือการเพิ่มแคลเซียมคลอไรด์ลงในอาหาร มีชุดข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าแคลเซียมคลอไรด์จะช่วยลดการกินอาหาร แต่คุณต้องใส่มันในปริมาณ 2% ถึง 4% ในอาหารสัตว์ซึ่งสามารถลดปริมาณการกินอาหารของหมู แต่คุณกำลังเพิ่มแคลเซียมจำนวนมากพร้อมกับคลอไรด์ คุณจึงจำเป็นต้องปรับอัตราส่วนแคลเซียมต่อฟอสฟอรัสในอาหารสัตว์ของคุณด้วย

 

เป็นกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อชะลอการเติบโตของหมู เรากำลังพูดถึงกลยุทธ์สำหรับสองถึงสี่สัปดาห์และหลังจากนั้น หากเรายังจำเป็นต้องชะลอการเจริญเติบโตของหมูอยู่ เราจะต้องทำสิ่งอื่นเพิ่มเติมอีก เพื่อลดปริมาณงานในฟาร์ม นั่นอาจหมายถึงการทำการุณยฆาตหมูหรือการลดจำนวนลูกหมูต่อครอกซึ่งต้องใช้เวลาในการทำให้สำเร็จ

 

มิเชล: ในฐานะนักโภชนาการ คุณเคยเจออะไรแบบนี้ในช่วงหลายปีที่คุณทำงานในอุตสาหกรรมนี้หรือเปล่า?

แดน: ไม่เคย ไม่เคยแน่นอน บางครั้งเรามีหมูบางตัวที่ไม่สามารถขนส่งไปยังโรงงานได้เนื่องจากติดวันหยุดเทศกาล หรือช่วงวันหยุดที่ต่อเนื่องจากวันเสาร์อาทิตย์ อะไรแบบนั้น แต่เมื่อเราพูดถึงสถานการณ์นี้ เราไม่รู้ว่ามันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน อีกอย่างคือเราเริ่มมีเคสผู้ติดเชื้อในโรงงานที่ยังเปิดดำเนินการอยู่ โรงงานหล่านั้นจะถูกปิดหรือจะต้องลดปริมาณงานลงเป็นจำนวนมาก โรงที่เปิดใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังคงโอเคอยู่ ยังมีโรงงานอีกสี่, ห้าและหกแห่งในควิเบกที่ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ถ้ามีเคสผู้ป่วย COVID เพิ่มขึ้นในโรงงานเหล่านั้น พวกเขาจะต้องปิดตัวลงหรือพวกเขาอาจจะทำงานลดลงมากกว่าครึ่งของปริมาณงานปกติ

 

มีความไม่แน่นอนมากมาย จริงๆแล้วเราคงต้องประคองสถานการณ์ไปเรื่อยๆ และเราจำเป็นต้องปรับตัวให้ได้ ผู้ผลิตหมูของเรานั้นค่อนข้างยืดหยุ่น แต่มันยากขึ้นเมื่อมีปัญหาเรื่องราคามาสมทบอีก ทุกคนรู้ว่าราคาของหมูเป็นนั้นได้ลดลงต่ำที่สุดที่เราเคยเห็น (ก่อนเกิดโรคระบาด) ดังนั้นเราจึงสูญเสียเงินทันทีเมื่อเราส่งหมูไปยังโรงเชือด เมื่อเราเก็บหมูไว้นานขึ้น นั่นหมายถึงว่าเราต้องให้อาหารหมูเหล่านั้นนานขึ้นด้วย แม้ว่าเราจะให้อาหารที่มีพลังงานต่ำ แต่ก็เป็นค่าใช้ที่จ่ายเพิ่มขึ้นอยู่ดี เมื่อรวมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน นั่นทำให้การหมุนเวียนเงินในธุรกิจยากขึ้น

 

ในขณะนี้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ผลิตคือกระแสเงินสด เมื่อคุณไม่ได้จำหน่ายหมูของคุณออกไปหรือคุณได้รับเงินน้อยนิดสำหรับหมูที่ส่งโรงเชือด ดังนั้นคุณจะสูญเสียเงินสำหรับหมูทุกตัวที่คุณจำหน่ายออก หมูที่คุณเก็บไว้ คุณยังต้องให้อาหารหมูเหล่านั้น ดังนั้นจึงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มสำหรับค่าอาหารสัตว์  ในแง่ของกระแสเงินสด สำหรับผู้ผลิตแล้วมันเป็นปัญหาที่สำคัญ รัฐบาลสามารถสร้างโปรแกรมเพื่อช่วยแก้ปัญหานั้น เรามีโปรแกรมบางอย่างที่สามารถช่วยเหลือในด้านนั้น แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่นี้ โปรแกรมการชดเชยต้นทุนการผลิตอาจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเราได้ แต่ตอนนี้มันเกินกว่านั้นไปแล้ว นี่เป็นสภาวะที่ยากลำบากของคนหลายคนและจะทำให้หลายคนไม่สามารถอยู่ได้อุตสาหกรรมนี้

 

มิเชล: ผู้ผลิตที่คุณพูดถึง พวกเขาเป็นคนที่ทำงานหนักมาก และรักในสิ่งที่พวกเขาทำ คุณบอกว่าคุณยังคงให้คำปรึกษาแก่พวกเขา ช่วยอธิบายความรู้สึกที่คุณได้ยินจากพวกเขาซึ่งเป็นผู้ผลิตโดยตรง ในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ให้พวกเราฟังหน่อยค่ะ 

Dan: อย่างที่ผมบอกไป มันอาจจะต่างกันเล็กน้อยเพราะควิเบกอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างจากลูกค้าอื่น ๆ ของเราในแคนาดาและแม้แต่ในจีน ผมจะกลับมาพูดถึงประเทศจีนทีหลัง แต่ถ้าพูดถึงควิเบก ผู้คนจะถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายในสองถึงสามสัปดาห์ข้างหน้า ทุกคนค่อนข้างสบายใจกับสิ่งที่พวกเขาเป็นอยู่ทุกวันนี้แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าสิ่งต่าง ๆ ไม่กลับมาเป็นปกติภายในอีกสองถึงสามสัปดาห์ นั่นจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา เราจะเห็นบางคนเลิกผลิต และเราอาจจะเห็นการล้มละลาย

 

ในด้านสุขภาพจิต ผมคิดว่ามันค่อนข้างยากสำหรับบางคน สถานการณ์ในควิเบกนั้นแตกต่างจากที่อื่นในแคนาดา ผู้คนไม่เห็นผลกระทบของการระบาดของไวรัส พวกเขามองเห็นแต่เรื่องราคาที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ปริมาณการส่งหมูเข้าโรงโรงเชือด ก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก เว้นแต่คนที่อยู่ในออนแทรีโอที่ส่งหมูไปยังควิเบก ทุกอย่างยังคงโอเค แม้ว่าราคาจะเป็นสิ่งที่ (ส่งผลกระทบ) ต่อทุกคนในแคนาดา

 

COVID เกิดขึ้นในประเทศจีนมาก่อน ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์จึงเป็นช่วงที่ยากสำหรับพวกเขา แต่เนื่องจาก ASF ที่เกิดขึ้นในประเทศจีนเป็นเวลาสองปีแล้ว ราคาของหมูจึงดีมากๆในตอนนี้ ดังนั้นทุกคนที่ยังคงผลิตหมู ทำเงินได้มากมายในประเทศจีน แม้ว่าคุณจะสูญเสียการผลิตไป 20% ถึง 25% แต่ด้วยกำไรต่อหมูที่แสดงให้เห็นในตลาดเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขายังคงทำเงินได้ ในประเทศจีนนั้นผู้คนความคิดแตกต่างกันเล็กน้อย แม้ว่าพวกเขาจะได้รับผลกระทบจาก ASF แล้วก็ COVID ในแง่ของปัญหาแรงงาน และปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายหมูระหว่างจังหวัด  แต่ปัญหาเหล่านั้นถูกชดเชยได้จากราคาที่ดีและผลกำไรจากราคา คล้ายกับตอนที่ PED (ไวรัส) เกิดขึ้นในปี 2013 ในสหรัฐอเมริกา แล้วทำให้ราคาหมูเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี 2014 ในเหตุการ์นั้นมีหลายคนที่ต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมากจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ PED แต่ในภาพรวมนั่นเป็นปีที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตหมู เพราะการขาดแคลนหมูในตลาดในตอนนั้น

 

มิเชล: แดน คุณพูดถึงการให้คำปรึกษาและการวิจัยในจีน คุณบอกเราได้ไหมว่ามีบทเรียนอะไรจากประเทศจีนที่เราสามารถใช้ที่นี่ได้?

แดน: เราสามารถใช้ ASF เป็นบทเรียนได้ - ซึ่งเราต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นที่นี่ ปัญหาในแคนาดาคือเราเป็นตลาดส่งออก ดังนั้น ASF  มีผลกระทบต่อประเทศที่ส่งออกกับประเทศที่ไม่ได้ส่งออกที่แตกต่างกันมาก เราไม่ต้องการรับ ASF เข้ามาในอเมริกาเหนือแน่นอน

 

ผมคิดว่าจีนเป็นประเทศที่เราอยากทำงานกับตลาดนั้นต่อไป มันเป็นตลาดส่งออกที่ดีมากสำหรับผู้ผลิตเนื้อสัตว์ในอเมริกาเหนือ เราอยากให้จีนกลับไปยังจุดที่เคยเป็น แต่เราก็หวังว่าจะไม่ ถ้าพวกเขาขาดแคลนเนื้อสัตว์ในประเทศ เราอาจสามารถส่งออกเนื้อสัตว์ไปยังจีนได้ ในแง่ของสถานการณ์ COVID สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศจีนคือราคาของวิตามินและกรดอะมิโนเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม สาเหตุมาจากการปิดโรงงานบางแห่งเพราะการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากววันหยุดในเทศกาลตรุษจีนขยายเวลาเป็นสี่สัปดาห์แทนที่จะเป็นสองสัปดาห์ ดังนั้นจึงมีความล่าช้าอย่างมากในการผลิตและการขนส่งสินค้าจากจีนไปยังอเมริกาเหนือ ราคาของกรดอะมิโนและวิตามินจึงเพิ่มขึ้น นั่นคือผลกระทบอีกด้านหนึ่งของ COVID ในเอเชีย ที่ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของเรา

 

ครั้งล่าสุดที่ผมดูข้อมูล ต้นทุนการผลิตหมูเพิ่มขึ้นประมาณ 2-3 ดอลลาร์ต่อตัว ในแง่ของค่าใช้จ่ายของอาหารสัตว์ เนื่องจากราคากรดอะมิโนและวิตามินที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม ดังนั้นภายในสองเดือนคุณจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น $2 หรือ $3 ต่อหมูหนึ่งตัวสำหรับต้นทุนอาหารสัตว์ และนั่นเป็นสถานการณ์ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุม เราพึ่งพาจีน เราหวังว่าพวกเขาจะควบคุมสิ่งต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่สร้างปัญหาให้แก่เราในท้ายที่สุด เรายังหวังให้จีนขาดแคลนเนื้อสัตว์ เพื่อให้เราสามารถส่งออกเนื้อสัตว์ไปที่นั่น เพราะนั่นอาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมของเราที่จะสร้างรายได้จากการขายเนื้อสัตว์เป็นปริมาณมาก

 

ปัญหาที่เรามีตอนนี้ในอุตสาหกรรมคือผู้คนไม่สามารถเข้าถึงโรงเชือดและแปรรูป พวกเขาไม่สนใจทำธุรกิจโรงเชือดหรือค้าปลีกเนื้อสัตว์ พวกเขาต้องการเป็นเพียงผู้ผลิตหมูเป็นเท่านั้น เพราะราคาเนื้อสัตว์มีชีวิตอยู่ในระดับต่ำ – แม้ว่าราคาของการส่งเนื้อสัตว์ไปยังเอเชีย ญี่ปุ่น จีนค่อนข้างดีก็ตาม

 

มิเชล: ตามที่คุณพูดไว้ว่าอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นตัวกำหนด พวกเราขอภาวนาให้แก่ผู้ผลิตหมูทั้งหมดค่ะ และนี่คือแดน บัสซีเรส จากควิเบก ขอให้คุณปลอดภัยและแข็งแรงนะคะ ขอบคุณมากสำหรับการร่วมพูดคุยกับเราวันนี้ค่ะ

 แดน: ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณครับ

 

มิเชล:       สำหรับเนื้อหาอื่นเกี่ยวกับ COVID-19 สามารถเข้าไปดูได้ที่ alltech.com.

คลิ๊กที่นี่เพื่อเข้าชมเนื้อหาอื่นๆ เกี่ยวกับโควิด-19

 

Loading...