Skip to main content

กลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้อาหารสำหรับการเพาะเลี้ยงกุ้ง

กุ้งจัดเป็นหนึ่งในอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำหรับมนุษย์มากที่สุดชนิดหนึ่ง ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการของปลาและกุ้งนั้นจะขึ้นอยู่กับอาหารที่กินเข้าไปตลอดช่วงชีวิตเป็นหลัก

ธุรกิจเพาะเลี้ยงกุ้งได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจนกลายเป็นหนึ่งในอุตสากรรมสัตว์น้ำที่มีการเติบโตมากที่สุด ความท้าทายในการเพาะเลี้ยงกุ้งนั้นคือต้องลดความเสี่ยงในการเกิดโรคแต่ยังต้องคงประสิทธิภาพการผลิตไว้ให้ได้ด้วย ซึ่งการจัดการฟาร์มโดยเฉพาะการจัดการด้านอาหารถือเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตกุ้งอย่างมีประสิทธิภาพ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็กลายเป็นประเด็นที่กระทบกับทุกอุตสาหกรรมทั่วโลกรวมถึงอุตสาหกรรรมการผลิตสัตว์น้ำด้วยเช่นกัน แต่ในอีกมุมมองหนึ่งก็ถือเป็นโอกาสใหม่ที่อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไปอย่างสิ้นเชิง แต่ควรจะเป็นไปอย่างมีหลักการและเป็นวิธีที่ยั่งยืนเพื่อการผลิตอย่างเต็มประสิทธิภาพ

 

กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้อาหาร

สิ่งที่ผู้เลี้ยงกุ้งต้องคำนึงถึงเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในระบบการผลิต ได้แก่ ความเสี่ยงต่อโรค, ต้นทุนการผลิต, คุณภาพน้ำและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อกำไรของฟาร์มทั้งสิ้น ในตลาดหลายๆ แห่งในปัจจุบันมีการบริโภคกุ้งและการผลิตที่ลดลงเนื่องจากผู้เลี้ยงบางรายได้ลดจำนวนในการเลี้ยงลงและใช้เทคนิคใหม่ๆ ในการลดต้นทุนการผลิต ซึ่งเทรนด์ดังกล่าวนี้ทำให้ผู้เลี้ยงกุ้งสามารถใช้กลยุทธ์หลากหลายรูปแบบที่จะเพิ่มผลกำไรของฟาร์มได้ ได้แก่:

  1. คุณภาพของอาหารสัตว์: ต้นทุนอาหารสัตว์เป็นต้นทุนที่มากที่สุดในการเพาะเลี้ยงกุ้งจึงเป็นสิ่งที่มีผลต่อกำไรของฟาร์มเป็นอย่างมาก แต่การใช้อาหารที่มีคุณภาพดีเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการจัดการอาหาร การจัดการบ่อ และระบบการให้อาหารที่เหมาะสมก็ไม่อาจทำให้ผลกำไรของฟาร์มเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น การใช้อาหารสัตว์คุณภาพดีและวัตถุดิบที่พิสูจน์คุณค่าทางโภชนาการและผ่านการวิจัยทางสูตรอาหารมาแล้ว ร่วมกับการจัดการอาหารที่ถูกต้องจะทำให้กุ้งได้รับสารอาหารอย่างสมดุลและเจริญเติบโตได้ดี ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้อาหารและกำไรของฟาร์มเพิ่มขึ้น

 

  1. ปรับปรุงสุขภาพลำไส้ของกุ้ง: ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เทคโนโลยีของเราได้ช่วยให้การเลี้ยงกุ้งมีประสิทธิภาพการผลิตและผลกำไรเพิ่มขึ้นโดยการเปลี่ยนแปลงประชากรแบคทีเรียในลำไส้และทำให้โครงสร้างของลำไส้มีความแข็งแรงและมีความสามารถดูดซึมสารอาหารได้มากที่สุด

 

เพื่อให้ลำไส้ของกุ้งมีสุขภาพที่ดีขึ้นนั้นจำเป็นต้องใช้ซินไบโอติกซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของพรีไบโอติกและโพรไบโอติกโดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการทำงานของแบคทีเรียชนิดดีให้เกิดประโยชน์ต่อกุ้งได้สูงสุดซึ่งเทคโนโลยีซินไบโอติกนี้กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการเพาะเลี้ยงกุ้ง

 

การปรับปรุงสภาพแวดล้อมในบ่อกุ้งทำให้เกิดความแตกต่างได้หรือไม่?

ซินไบโอติก (synbiotic) เป็นการนำพรีไบโอติก (ไฟเบอร์ที่เป็นอาหารของโพรไบโอติก) รวมเข้ากับโพรไบโอติก (แบคทีเรียชนิดดี) ทำให้โพรไบโอติกทำงานซึ่งก็คือเกิดการหมักได้ดีขึ้นและได้ออกมาเป็นสารที่สามารถนำไปใช้ในบ่อได้โดยตรงหรือใช้กับอาหารสัตว์ได้

 

ประโยชน์จากการใช้ซินไบโอติก

  • ต้นทุนต่ำ
  • ช่วยลดโอกาสเกิดโรค
  • ช่วยเพิ่มอัตรารอดของกุ้ง
  • ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของกุ้ง

 

Aquate® Fertilizer ถูกพัฒนามาเพื่อเป็นปุ๋ยอินทรีย์ในบ่อสัตว์น้ำโดยเฉพาะ ได้รับการทดสอบในฟาร์มเชิงพาณิชย์แล้วว่าสามารถช่วยปรับสมดุลระบบการเลี้ยงให้เหมาะสมและเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและคุณภาพในการผลิตได้ ในการศึกษาในฟาร์มกุ้งสายพันธุ์บราซิลในเมือง Tibau do Sul  ซึ่งมีการแบ่งกุ้งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับ Aquate® Fertilizer (ใช้รำข้าวหมักและ Aquate® Fertilizer ) และกลุ่มที่ไม่ได้รับ (ใช้รำข้าวหมักเพียงอย่างเดียว) พบว่า ในกลุ่มที่ได้รับ Aquate® Fertilizer ลูกกุ้งอนุบาลมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ซึ่งทำให้อัตราการเจริญเติบโตของกุ้งเพิ่มขึ้นและจับขายได้ก่อนเวลาถึง 20 วัน

เช่นเดียวกับในการศึกษาในฟาร์มกุ้งสายพันธุ์บราซิลในเมืองอาเรซ ซึ่งมีการแบ่งกุ้งออกเป็น 2 กลุ่มการทดลองเช่นเดียวกับการศึกษาก่อนหน้านี้ พบว่า ในกลุ่มที่ได้รับ Aquate® Fertilizer กุ้งมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นและปริมาณสารอินทรีย์ในดินลดลง

 

รูปที่ 1 :  ความแตกต่างของน้ำหนักเฉลี่ยของกุ้งในการทดลองที่ใช้ Aquate® Fertilizer ในเมืองอาเรซ

 

รูปที่ 2 :  อัตรารอดของกุ้งในการทดลองที่ใช้ Aquate® Fertilizer ในเมืองอาเรซ

 

การรักษาสมดุล

ผิวหนัง ลำไส้ และเหงือกเป็นบริเวณที่ใช้ป้องกันโรคที่สำคัญในกุ้งซึ่งต้องได้รับการส่งเสริมให้ทำงานได้อย่างเหมาะสมเนื่องจากเป็นหัวใจสำคัญที่จะรักษาสมดุลลระหว่างแบคทีเรียในลำไส้, ลักษณะทางกายภาพของลำไส้, ระบบภูมิคุ้มกัน และการรับสารอาหารเข้าสู่เซลส์ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสวัสดิภาพสัตว์ของกุ้งได้ สำหรับ Aquate®   นั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ตามความต้องการซึ่งถ้าใช้ในอาหารในอัตราที่เหมาะสมจะทำให้กุ้งมีสุขภาพดีขึ้น ลดการปล่อยของเสีย และเกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลงไปด้วย

 

Aquate® ได้ถูกใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตสัตว์น้ำมานานกว่าทศวรรษแล้ว โดยผลิตภัณฑ์นี้จะให้กรดอะมิโนจำเป็นและแร่ธาตุเพื่อช่วยเพิ่มความสมบูรณ์และความคงทนของระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้นำสารอาหารไปใช้ได้ดีขึ้นและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน นำไปสู่ประสิทธิภาพการผลิตและผลกำไรของฟาร์มที่เพิ่มขึ้นในท้ายที่สุด

 

เทคโนโลยีใน Aquate® นั้นถูกพัฒนามาเพื่อใช้ในสัตว์น้ำโดยเฉพาะ สามารถช่วยในเรื่องดังต่อไปนี้:

  • การเจริญเติบโต
  • อัตราแลกเนื้อ (FCR)
  • ระบบภูมิคุ้มกัน
  • คุณภาพและองค์ประกอบของเนื้อที่แล่ (fillet)

 

Aquate® ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มการผลิตมวลชีวภาพ (biomass), เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้อาหาร และช่วยรักษาสมดุลระหว่างตัวสัตว์, สารอาหาร และสิ่งแวดล้อมได้

 

 

อาหารทะเลมีกรดไขมันชนิดโอเมก้า 3 ในปริมาณมากซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอลและการอักเสบในร่างกายได้ สำหรับปลาเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงและสารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็นต่อความต้องการของร่างกาย ส่วนกุ้งนั้นเป็นหนึ่งในอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำหรับมนุษย์มากที่สุดชนิดหนึ่ง ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการของปลาและกุ้งนั้นจะขึ้นอยู่กับอาหารที่ปลาและกุ้งกินเข้าไปตลอดช่วงชีวิตเป็นหลัก

 

นับเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายที่เราจะร่วมกันยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมและเดินหน้าผลิตอาหารทะเลต่อไปโดยมีเป้าหมายเพื่อผลิตอาหารทะเลให้มีสารอาหารครบถ้วนตามความต้องการให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งสิ่งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะนำไปสู่อุตสาหกรรมการผลิตสัตว์น้ำอย่างยั่งยืนสืบจนรุ่นลูกรุ่นหลาน หากท่านต้องการทราบว่าผลิตภัณฑ์ Aquate® ตัวใดที่เหมาะกับฟาร์มของท่าน โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ของออลเทค

Loading...