Skip to main content

ฟาร์มโคนมธุรกิจครอบครัวประสบความสำเร็จด้วยนวัตกรรม

เชนีย์ส แดรี่ เชื่อมสัมพันธ์กับชุมชนด้วยร้านไอศกรีม

เรื่องราวทั้งหมดนี้เริ่มต้นในปี 1940 เมื่อพ่อของคาร์ล เชนีย์ (Carl Chaney) เริ่มรีดนมโคพันธุ์เจอร์ซีย์ (Jersey) สองตัวในฟาร์มครอบครัวที่โบว์ลิงกรีน (Bowling Green) รัฐเคนตักกี้ด้วยมือ ก่อกำเนิดเป็นการก่อตั้งธุรกิจเชนีย์ส แดรี่ (Chaney’s Dairy) ครอบครัวเชนีย์รับเอานวัตกรรมและความเปลี่ยนแปลงเพื่อให้กิจการประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ทุกวันนี้เกือบ 80 ปีให้หลัง ครอบครัวของคาร์ลยังคงรีดนมวัวเจอร์ซีย์ต่อไป อย่างไรก็ตาม บรรพบุรุษของคาร์ลอาจต้องประหลาดใจที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เช่น ตอนนี้คนนับพันที่เดินอยู่ทั่วฟาร์มจะได้รับของว่างแสนอร่อยที่ร้านเชนีย์ส แดรี่บาร์น (Chaney’s Dairy Barn) ซึ่งเปิดดำเนินการครั้งแรกในปี 2003

แม้ราคานมจะตกต่ำในช่วงต้นปี 2000 แต่คาร์ลและเดบรา ภรรยา เล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างความแตกต่างและลองเดิมพันด้วยการเปิดร้านไอศกรีมในฟาร์มชื่อ แดรี่บาร์น การเดิมพันครั้งนั้นผลิดอกออกผลให้เก็บเกี่ยวมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว ปัจจุบัน เชนีย์ส แดรี่บาร์น ใช้ไอศกรีมกว่า 1,200 แกลลอนต่อสัปดาห์

ครอบครัวเชนีย์สขอบคุณแรงสนับสนุนจากชุมชนและความสนใจอย่างมากต่อสิ่งที่อาจดูเหมือนเป็นไอเดียที่บ้าดีเดือดสักหน่อย แต่ถึงกระนั้น ความนิยมของแดรี่บาร์นก็ไม่ได้เป็นอะไรที่น่าประหลาดใจนัก

“โลกหมุนได้ด้วยไอศกรีมครับ” คาร์ลกล่าว

ทัวร์พาชมชีวิตในฟาร์มโคนม

ฟาร์มของครอบครัวเชนีย์สไม่ได้มีดีแค่ไอศกรีมเท่านั้น ผู้มาเยือนสามารถเดินชม ดู และเรียนรู้วิธีรีดนมในโรงเรือนโคนมด้วยตนเองได้

“พวกเขาจะได้เห็นว่าเกษตรกรรมที่แท้จริงเป็นอย่างไร” คาร์ลกล่าว

ในปี 2019 โรงเรือนโคนมของเชนีย์สมีผู้เข้าเยี่ยมชมถึง 15,000 ราย คาร์ลและครอบครัวมองว่าการให้ความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมโคนมและการผลิตอาหารโดยทั่วไปแก่บุคคลทั่วไปเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากคนจำนวนมากขาดการเชื่อมโยงโดยตรงกับเกษตรกรรม

“การศึกษานี่ล่ะครับที่ช่วยได้เสมอในเรื่องการสร้างความเชื่อมโยง” คาร์ลกล่าว “การเชื่อมโยงกับผู้บริโภคคือสิ่งที่เราพยายามทำอยู่เสมอ” ความสำเร็จของกิจการโคนมของครอบครัวเชนีย์สยิ่งน่าจดจำเป็นพิเศษเมื่อนำมาพิจารณาในบริบทของอุตสาหกรรมโคนมในภาพรวม ในปี 2001 รัฐเคนตักกี้มีฟาร์มโคนมมากถึง 2,900 แห่ง แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ตัวเลขดังกล่าวกลับลดวูบลงเหลือเพียง 398 แห่งเท่านั้น แต่ครอบครัวเชนีย์สยังคงทำสิ่งที่แปลกใหม่และทลายกรอบเดิมๆ ต่อไป ในปี 2016 พวกเขาได้ติดตั้งระบบรีดนมด้วยหุ่นยนต์ชื่อ เลลี่ เอโฟร์ (Lely A4) นำมาซึ่งการก่อตั้งบริษัท เจ.อาร์. เชนีย์ บ็อตลิ่ง โค. (J.R. Chaney Bottling Co.) ในปี 2017 ปัจจุบัน เชนีย์สสามารถแปรรูปผลผลิตนมของตนเองได้ และนำไปจำหน่ายในหลากหลายพื้นที่ทั่วรัฐเคนตักกี้

เข้าถึงผู้ซื้อผลิตภัณฑ์นมรุ่นใหม่

ครอบครัวเชนีย์สจะตื่นเต้นกับสต็อกนมของตัวเองมากเพราะวิถีของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากนมในช่วงไม่กี่ปีมานี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แม้ผลิตภัณฑ์จากนมบางประเภทอย่างเช่นชีสและเนยจะมีอัตราการบริโภคเพิ่มสูงขึ้น แต่วิธีการดื่มนมของคนทั่วไปกลับเปลี่ยนไป

“เรากำลังสูญเสียลูกค้าผู้ดื่มนม “ระยะยาว” เพราะลักษณะนิสัยของเด็กเล็กๆ เปลี่ยนแปลงไป” อลิซาเบธ ลันส์ฟอร์ด (Elizabeth Lunsford) ลูกสาวของคาร์ลและผู้สืบทอดฟาร์มโคนมรุ่นที่ 5 กล่าว “บางส่วนก็เป็นเพราะนมโรงเรียนและคุณภาพที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการเข้ามาของเครื่องดื่มทางเลือกจำนวนมากด้วยค่ะ”

แต่ทั้งอลิซาเบธและคาร์ลก็เคยเห็นเด็กที่บอกว่าไม่ชอบกินนม ตาโตเป็นประกายเมื่อได้ลิ้มรสนมจากเชนีย์ส แดรี่มาแล้ว

“ความสบายของวัวและคุณภาพนมคือจุดเด่นของเราครับ” คาร์ลกล่าว

ครอบครัวเชนีย์ตั้งใจที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์นมคุณภาพแก่ผู้ที่มาเยี่ยมชมฟาร์มต่อไป พร้อมไปกับการสร้างความต้องการผลิตภัณฑ์นมในกลุ่มผู้ซื้อรุ่นต่อไปด้วย

การที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจนมได้นั้นจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่น และกิจการนมของครอบครัวเชนีย์สก็กำลังเจริญเติบโตอย่างดีจากความตั้งใจที่จะโอบรับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ พวกเขาจะยังคงหาหนทางใหม่ๆ ในการเชื่อมสัมพันธ์ผู้คนเข้ากับเกษตรกรรมต่อไป ไม่ว่าจะด้วยการจัดฉายภาพยนตร์รอบกลางคืนโดยใช้ผนังโรงนาแทนจอ หรือการต้อนรับนักเรียนนับพันคนจากกิจกรรมทัศนศึกษาของโรงเรียนในทุกๆ ปี ซึ่งในส่วนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดที่เหล่าครอบครัวเชนีย์ยกให้เป็นดาวเด่นของความสำเร็จอย่างต่อเนื่องที่เกิดขึ้นก็คือเหล่าวัวที่พวกเขาให้คุณค่าเหนือสิ่งอื่นใดนั่นเอง

“เรามีวัวที่มีความสุขที่สุดในรัฐเคนตักกี้แล้วจริงๆ นะครับ” คาร์ลกล่าว

Loading...